ใบงานที่2 การแบ่งประเภทของระบบปฎิบัติการ


ใบงานที่ 2 การแบ่งประเภทของระบบปฎิบัติการ
จัดทำโดย นายสัญชัย สุดเอก รหัสประจำตัว 6031280007

ระบบปฏิบัติการหรือ OS เป็นได้ทั้ง
-ซอฟต์แวร์
-ฮาร์ดแวร์
-เฟิร์มแวร์(Firmware)
-หรือผสมผสานกันก็ได้ 
เป้าหมายการทำงานของ OS
    คือสามารถให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบกลไกการทำงานของฮาร์ดแวร์
ซอฟแวร์ OS
คือ OS ที่เป็นโปรแกรมควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
ฮาร์ดแวร์ OS
คือ OS ที่ถูกสร้างขึ้นจากอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนหนึ่งของฮาร์ดแวร์ของเครื่องด้วย มีหน้าที่เช่นเดียวกัน
ข้อดี ในการสร้างฮาร์ดแวร์ OS ก็เพราะมันสามารถทำงานได้รวดเร็วกว่าซอฟต์แวร์ OS
ข้อเสีย การปรับปรุงแก้ไข OS นั้นยุ่งยากอาจำทำไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีราคาแพงอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่ง นั่นหมายถึง การสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ก็ว่าได้
เฟิร์มแวร์ OS
คือ OS ที่เขียนขึ้นโดยใช้คำสั่งไมโคร ทำให้มีความเร็วสูงกว่าซอฟต์แวร์ OS แต่ยังช้ากว่า ฮาร์ดแวร์ OS การแก้ไขเฟิร์มแวร์ OS ค่อนข้างยากและค่าใช้จ่ายมาก แต่ยังถูกว่าการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์ OS
เฟิร์มแวร์ หมายถึง ส่วนโปรแกรมที่เก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเหล่านี้เรียกว่า ไมโครโปรแกรม(Microprogram) แต่ละโปรแกรมประกอบขึ้นจากคำสั่งหลายๆ คำสั่ง คำสั่งเหล่านี้เรียกว่า คำสั่ง ไมโคร(Microinstruction) คำสั่งไมโครเป็นชุดคำสั่งในระดับที่ต่ำที่สุดของระบบของคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงานของซีพียูในทุกๆขั้นตอน





ระบบปฏิบัติการ คือ โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่เป็นตัวเชื่อมหรือประสานงาน ระหว่างผู้ใช้งานกับฮาร์ดแวร์ของเครื่อง ให้สามารถทำงานโดยสะดวก โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้กลไกการทำงานของเครื่องก็สามารถที่จะใช้งานคอมพิวเตอร์ได้


ระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ แบ่งได้ 3 ประเภท
1.ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (stand alone os)
2.ระบบปฎิบัติการแบบเครือข่าย (Natwork os)
3.ระบบปฎิบัติการแบบฝังตัว (embedded os)

1.ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (stand alone os)

    เป็นระบบปฏิบัติการที่มุ่งเน้นและให้บริการสำหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว (เจ้าของเครื่องนั้น ๆ) นิยมใช้สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลและทำงานแบบทั่วไป เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสำนักงาน ซึ่งจะถูกติดตั้งระบบปฏิบัติการนี้รองรับการทำงานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ปัจจุบันพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่เป็นลูกข่ายเพื่อขอรับบริการจากเครื่องแม่ข่ายได้ด้วย

   การที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือโน้ตบุคคอมพิวเตอร์ สามารถรองรับผู้ใช้งานเพียงคนเดียว กล่าวคือเป็นระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานโดยไม่มีการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น แต่ปัจจุบันระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยวได้ขยายขีดความสามารถให้รองรับการเชื่อมต่อกันเป็นระบบเครือข่ายได้ ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว มีดังต่อไปนี้


  1.ระบบปฏิบัติการ DOS


DOS (Disk Operating System) เป็นระบบปฏิบัติการซึ่งได้มีการพัฒนาขึ้นเมื่อประมาณปี 1980 เพื่อใช้สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นหลัก ทำงานโดยใช้การป้อนชุดคำสั่งที่เรียกว่า command- line ซึ่งต้องป้อนข้อมูลทีละบรรทัดเพื่อให้เครื่องทำงานตามคำสั่งนั้น ๆ ได้ ผลิตขึ้นมาครั้งแรกมีชื่อเรียกว่า PC-DOS เพื่อใช้กับเครื่องของบริษัทไอบีเอ็ม ภายหลังเมื่อคอมพิวเตอร์ได้รับความนิยมมากขึ้นจนเกิดเครื่องที่ผลิตขึ้นมาเลียนแบบอย่างมากมายคล้ายกับเครื่องของไอบีเอ็ม (IBM compatible ) บริษัทไมโครซอฟต์ซึ่งมีทีมงานที่เคยผลิต PC-DOS ให้กับไอบีเอ็มมาก่อนจึงได้ทำระบบปฏิบัติการแบบใหม่ออกมาเป็นของตนเองและเรียกชื่อใหม่ภายหลังว่า MS-DOS นั่นเอง
 
2.ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows
Windows เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยบริษัท Microsoft ซึ่งจะมีส่วนติดต่อกับ ผู้ใช้ (User interface) เป็นแบบกราฟิก หรือเป็นระบบที่ใช้รูปภาพแทนคําสั่ง เรียกว่า GUI (Graphic User Interface) โดยสามารถสั่งให้เครื่องทํางานได้โดยใช้เมาส์คลิกที่สัญลักษณ์หรือคลิกที่คําสั่งที่ต้องการ ระบบนี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโปรแกรมได้มากกว่า 1 โปรแกรมในขณะเดียวกันซึ่งถ้าเป็นระบบ DOS หากต้องการเปลี่ยนไปทํางานโปรแกรมอื่น ๆ จะต้องออกจาก โปรแกรงเดิมก่อนจึงจะสามารถไปใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ ได้ ในลักษณะการทํา งานของ Windows จะมีส่วนที่เรียกว่า “หน้าต่าง” โดยแต่ละโปรแกรมจะถือเป็นหน้าต่างหนึ่งหน้าต่าง ผู้ใช้สามารถ สลับไปมาระหว่างแต่ละหน้าต่างได้ นอกจากนี้ระบบ Windows ยังให้โปรแกรมต่าง ๆ สามารถ แชร์ ข้อมูลระหว่างกันได้ผ่านทางคลิปบอร์ด(Clipboard) ระบบ 
Windows ทําให้ผู้ใช้ ทั่ว ๆไปสามารถทําความเข้าใจ เรียนรู้และใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่าย
 Microsoft-Windows-8-Officially-Launched-2 

Windows การทำงานที่ต้องคอยป้อนคำสั่งทีละบรรทัดเพื่อเรียกทำงานในระบบปฏิบัติการแบบ DOS นั้น สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้และความชำนาญเพียงพอ มักจะจดจำรูปแบบคำสั่งต่าง ๆ ในการใช้งานได้ไม่ค่อยดีนัก บริษัทไมโครซอฟต์จึงได้นำเอาแนวคิดของระบบการใช้งานที่เรียกว่า GUI (Graphical User Interface) ซึ่งมีผู้คิดค้นขึ้นก่อนหน้านั้นไม่นานนักมาใช้ในระบบปฏิบัติการตัวใหม่ที่มีชื่อว่า Windows เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ใช้และระบบปฏิบัติการสามารถทำงานงานร่วมกันได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการนำเอารูปแบบของสัญลักษณ์ที่เป็นภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนข้อมูลคำสั่งทีละบรรทัดโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องจดจำคำสั่ต่าง ๆ ก็สามารถใช้งานได้โดยง่าย
Windows ใช้หลักการแบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ ที่เรียกว่า หน้าต่างงาน (windows) ซึ่งจะแสดงผลลัพธ์ของแต่ละโปรแกรม ปัจจุบันได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างแพร่หลายและมีการผลิตและจำหน่ายออกมาหลายๆ รุ่นด้วยกันWindows XP เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่ได้มีการพัฒนาและจำหน่ายไปยังทั่วโลก (เวอร์ชันต่อไปที่คาดว่าจะผลิตออกมามีชื่อรหัสว่า Longhorn คาดว่าจะมีการวางจำหน่ายประมาณปี 2006 - 2007
3.ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์
 

เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถสูง  ในการบริหารระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  มีลักษณะคล้ายการจำลองการทำงาน  มาจากยูนิกซ์ แต่จะมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่า  เป็นระบบปฏิบัติการ ประเภทแจกฟรี (Open Source) ผู้นำไปใช้งาน สามารถที่จะพัฒนาและปรับปรุงในส่วนที่เกิดปัญหาระหว่างใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังสามารถปรับให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ที่ใช้เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของระบบมากที่สุด และยังมีการเพิ่มสมรรถนะ (Update) อยู่ตลอดเวลา

ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ Linux

le2


4.ระบบปฏิบัติการ Mac

เป็นระบบ ปฏิบัติการของเครื่องแมคอินทอช เป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการทำงานแบบ GUI ในปี ค.ศ. 1984 ของบริษัท Apple ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นระบบปฏิบัติการ Mac OS โดยเวอร์ชันล่าสุดมีชื่อเรียกว่า Mac OS X เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Apple และมีความสามารถในการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (Multitasking) เหมาะกับงานในด้านเดสก์ทอปพับลิชชิ่ง (Desktop Publishing)

ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ Mac

https://beerkung.files.wordpress.com/2013/09/mac.jpg

รุ่นของ Mac OS X

Mac OS X 10.0 Cheetah (รุ่นแรก)

Mac-OS-X-10-0-Cheetah 

ในปี 2001 ก็ได้ปรากฏ Mac OS X เวอร์ชันเต็มตัวแรก ซึ่งก็คือ Mac OS X 10.0 โดยใช้ชื่อว่า Cheetah โดยในเวอร์ชันแรกนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายมากนักสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป


Mac OS X 10.1, 10.2 และ 10.3
Mac-OS-X-Puma


ในปลายปี 2001 ทาง Apple ที่ได้อัพเกรดเป็น Mac OS X 10.1 (Mac OS X Puma) และในเดือนสิงหาคมปี 2002 ได้อัพเกรดอีกครั้งเป็น Mac OS X 10.2 (Mac OS X Jaguar) โดยเพิ่มคณสมบัติเด่นๆ เช่น โปรแกรม iChat สนทนาผ่านระบบออนไลน์ รองรับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของไมโครซอฟท์ ฯลฯ
ในปี 2003 ก็ได้เสนอ Mac OS X 10.3 (Mac OS X Panther ) ที่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น Expose สลับการทำงานระหว่างโปรแกรม Fast User Switching เปลี่ยนผู้ใช้โดยไม่จำเป็นต้อง Log out ปรับปรุง iChat เป็น iChat AV ที่สามารถสื่อสารแบบมองเห็นหน้าอีกฝ่ายหนึ่งได้ นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัวโปรแกรมท่องเว็บอย่าง Safari อีกด้วย


Mac OS X Tiger
Mac-OS-X-Tiger


ปี 2005 เปิดตัว Mac OS X 10.4 (Mac OS X Tiger) โดยได้แนะนำคุณสมบัติใหม่ เช่น Automator รวมคำสั่งเพื่อทำงานอัตโนมัติได้ Voice Over ที่ออกเสียงคำสั่งต่างๆ Spotlight ค้นหาไฟล์ รวมถึงข้อมูลภายในไฟล์ได้ Dashboard เรียกใช้งานโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำจากหน้าจอ Desktop นำเสนอ QuickTime รุ่นใหม่ ปรับปรุงโปรแกรมท่องเว็บเป็น Safari 2.0 เป็นต้น


Mac OS X Leopard
Mac-OS-X-Leopard


ปี 2007 ทาง Apple ได้เปิดตัว Mac OS X 10.5 (Mac OS X Leopard) ซึ่งถือว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เพราะได้เพิ่มและปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย เช่น Cover Flow มุมมองแสดงข้อมูลในสไตล์ที่สวยงาม Quick Look แสดงตัวอย่างภายในไฟล์ Stack ใช้เก็บโฟลเดอร์ที่ใช้งานบ่อๆ Time Machine ใช้แบ็คอัพข้อมูล สามารถกลับไปกู้ข้อมูลเก่าๆได้ง่าย Space ที่สามารรถแบ่งหน้าจอเหมือนว่าได้ต่อหลายจอภาพและอื่นๆกว่า 300 รายการ

Mac OS X Snow Leopard

Mac-OS-X-Snow-Leopard


ปี 2009 ทาง Apple ก็ได้เปิดตัว Mac OS X รุ่น 10.6 หรือ Mac OS X Snow Leopard โดยมีการปรับปรุงในหลายๆด้าน เช่น รองรับระบบ 64 บิต พัฒนาให้รองรับระบบ Multicore (ซีพียูแบบหลายแกน) ตลอดจนนำเสนอโปรแกรม QuickTime X ให้สามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียทั้งบนเครื่องและออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น แนะนำโปรแกรมท่องเว็บรุ่นใหม่อย่าง Safari 4 เป็นต้น


Mac OS X Lion
Mac-OSX-Lion


Mac OS X Lion เปิดตัวกลางปี 2011 มีการเพิ่มเติมความสามารถใหม่ อาทิ การพัฒนาระบบ Multi-Touch ปรับปรุงโปรแกรม Mail, การเปิดแอพแบบ Full Screen, Mission Control รวมการสั่งงานบนหน้าจอ, การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน AirDrop, Mac Apps Stores ศูนย์รวมแอพพลิเคชัน , ระบบ Launchpad สำหรับจัดการแอพบนเครื่อง และการจัดเก็บ/กู้คืนไฟล์ด้วย AutoSave และ Versions


Mac OS X Mountain Lion
Mac-OS-X-Mountain-Lion


เป็น Mac OS X รุ่นล่าสุด เปิดตัวกลางปี 2012 โดยความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน คือ ได้เพิ่มคุณสมบัติซึ่งมีรูปแบบการใช้งานที่บน iPad มากยิ่งขึ้น ปรับปรุงให้สามารถใช้งานร่วมกับ iPad และ iPhone ได้ง่ายกว่าเดิมอีกด้วย เช่น สามารถส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์ของ Apple ผ่านทาง Message มีระบบการเตือนเมื่อถึงกำหนดด้วย Reminders มี Notification Center ที่สามารถเก็บข้อมูลสำคัญๆ ไว้ในที่แห่งเดียว การทำงานร่วมกับ Facebook และ Twitter ได้ทันทีบนหลายๆ โปรแกรมพร้อมปรับปรุงให้สามารถผนวกข้อมูลกับ iCloud ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น


Mac OS X 10.9 (Mavericks) 

Mac-OS-X-10.9-Mavericks

เปิดตัวในปี 2013 เป็นรุ่นล่าสุดแต่ยังไม่ได้เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ (ขณะเขียนบทความ สิงหาคม 2556) เป็นการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของรุ่นก่อน ดูว่าแมครุ่นไหนที่อัพเดทเป็น Mavericks ได้


5.ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ เป็นระบบปฏิบัติการที่เคยพัฒนาในห้องแล็บ Bellสร้างขึ้นเพื่อใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ และเมนเฟรม ใช้ในการควบคุมการทำงานของศูนย์คอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมลูกข่ายคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงเป็นจำนวนมาก ดังนั้นยูนิกซ์ จึงมักใช้ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ และมีการเชื่อมต่อเครือข่ายระยะไกลต่อมาได้มีการพัฒนาให้สามารถนำยูนิกซ์มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ คาดว่ายูนิกซ์จะเป็นที่นิยมต่อไป

ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ Unix 
unix 
– ลักษณะการทำงาน ยูนิกซ์ ติดต่อกับผู้ใช้ได้โดยการพิมพ์คำสั่งลงบนเครื่องหมาย Prompt Sign แต่ในปัจจุบัน สามารถจำลองจอภาพการทำงานของยูนิกซ์ ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมของวินโดวส์ได้แล้ว ทำให้สามารถทำงานติดต่อกับผู้ใช้ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
– คุณสมบัติพิเศษของยูนิกซ์ คือ เรื่องของการรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมทั้งมีความสามารถสูงในด้านการติดต่อสื่อสารระยะไกลระหว่างคอมพิวเตอร์ทำให้ยูนิกซ์ถูกนำมาใช้เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครือข่ายของโลกที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต ดังนั้นก่อนที่ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบยูนิกซ์ ได้จะต้องทำการพิมพ์ Login Name และ (Password)

2.ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย ( Network OS )

  ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย ( network OS ) เป็นระบบปฏิบัติการที่มุ่งเน้นและให้บริการสำหรับผู้ใช้หลาย ๆ คน ( multi – user ) นิยมใช้สำหรับงานให้บริการและประมวลผลข้อมูลสำหรับเครือข่ายโดยเฉพาะ มักพบเห็นได้กับการนำไปใช้ในองค์กรธุรกิจทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเหล่านี้เรียกว่า เครื่อง server ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องแม่ข่ายที่ให้บริการข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้นั่นเอง

         

2.1การเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ของระบบเครือข่ายขนาดเล็ก

  อุปกรณ์ในระบบเครือข่ายขนาดเล็ก มีหลายชนิด ได้แก่ การ์ดแลน ฮับ สวิตช์ โมเด็ม เราเตอร์ สายสัญญาณ ซึ่งแต่ละชนิดแตกต่างกัน ดังนี้

 
การ์ดแลน (LAN card) 

1.การ์ดแลน (LAN card) ชื่ออย่างเป็นทางการมีชื่อว่า การ์ดอีเธอร์เน็ต ซึ่งจะมีสายที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายเข้าด้วยกัน เรียกว่า สายแลน การเชื่อมต่อเครือข่ายและจะทำให้เราสามารถและเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างเครื่องได้สะดวกมากขึ้น 

   ฮับ (hub)

2.ฮับ (hub) ฮับช่วยให้คอมพิวเตอร์ต่างๆ บนเครือข่ายสามารถสื่อสารกันได้ คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะต่อเข้ากับฮับโดยสายอีเทอร์เน็ต และส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง


  
   สวิตช์ (switch)

3.สวิตช์ (switch) สวิตช์ทำงานแบบเดียวกับฮับ แต่สามารถระบุปลายทางที่กำหนดของข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นจึงส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องที่ควรจะได้รับข้อมูลเท่านั้น



     

    โมเด็ม (modem)



4.โมเด็ม (modem) โมเด็ม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นแอนะลอก และแปลงสัญญาณแอนะลอกกลับเป็นดิจิทัล

 
       เราเตอร์ (router)

5.อุปกรณ์จัดเส้นทางหรือเราเตอร์ (router) เราเตอร์จะช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ สามารถสื่อสารกันได้ และสามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่างสองเครือข่าย







6.สายสัญญาณ (cable) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูลมีหลายแบบไม่ว่าจะเป็นสายโคแอกซ์ สายตีเกลียวคูแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน สายตีเกลียวคู่แบบป้องกันสัญญาณรบกวน สายใยแก้วนำแสง

       

2.2.การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายขนาดเล็ก 

การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายขนาดเล็กที่ใช้กันในปัจจุบันมั 2 แบบหลักๆ คือ การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้ และการเชื่อมต่อเครือข่ายระยะไกล


2.1) การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้ หากมีคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายไม่เกินสองเครื่อง อุปกรณ์ในระบบเครือข่ายนอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ยังต้องมีการ์ดแลนและสายสัญญาณ โดยไม่ต้องใช้ฮับและสวิตช์ เพราะถ้ามีคอมพิวเตอร์แค่สองเครื่อง ก็สามารถเชื่อมต่อให้เป็นวงแลนได้โดยใช้สายไขว้ (cross line) เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั้งสองเครื่องเข้าหากันโดยตรงได้ แต่ถ้ามีมากกว่าสองเครื่อง ควรใช้สวิตช์หรือฮับด้วย
2.2) การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะไกล จากข้อจำกัดของเครือข่ายที่ใช้สายแลนที่ไม่สามารถเดินสายให้มีความยาวมากกว่า 100 เมตรได้ จึงต้องหาทางเลือกสำหรับระบบเครือข่าย ดังนี้


   แบบที่หนึ่ง คือ ต้องติดตั้งเครื่องทวนสัญญาณ (repeater) ไว้ทุกๆ ระยะ 100 เมตร เพราะเนื่องจากข้อจำกัดที่ไม่สามารถติดตั้งฮับหรือสวิตช์โดยผ่านสายตีเกลียวคู่ได้

 
                 



   แบบที่สอง คือ ใช้โมเด็มหมุนโทรศัพท์เข้าหากันเมื่อต้องการเชื่อมต่อ และเมื่อเสร็จสิ้นธุรกิจแล้วก็ยกเลิกการเชื่อมต่อ แต่ความเร็วที่ได้จะได้แค่เพียงความสามารถของสายโทรศัพท์ ซึ่งในกรณีที่มีการถ่ายโอนข้อมูลจำนวนมากระหว่างเครือข่ายจะมีความล่าช้ามากจึงควรเลือกใช้การเช่าสัญญาณของบริษัทผู้ให้บริการ ซึ่งจะได้ความเร็วมากกว่า
   
                                              


    แบบที่สาม ถือว่าเป็นเทคโนโลยีระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบันสายสัญญาณที่เลือกใช้ คือ สายใยแก้วนำแสง ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ระยะทางไกลและมีความเร็วสูง รวมไปถึงความปลอดภัยของข้อมูลด้วย การติดตั้งระบบเครือข่ายโดยใช้สายใยแก้วนำแสงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์แปลงสัญญาณ (media converter) ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้จะทำหน้าที่ในการแแปลงสัญญาณจากสายทองแดง (copper) ไปเป็นสัญญาณผ่านสายใยแก้วนำแสง



   แบบที่สี่ คือ ใช้จุดเชื่อมต่อแบบไร้สาย (wireless lan) เป็นการเชื่อมต่อโดยใช้สัญญาณวิทยุทางอากาศแทนการใช้สายสัญญาณ ซึ่งเหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด โดยปกติแล้วการสื่อสารแบบไร้สายจะทำงานบนมาตรฐาน 802.11b (ตัวอักษรที่กำกับด้านท้ายมาตรฐานใช้บอกความเร็วในการส่งข้อมูล) ที่มีความเร็วในการส่งสัญญาณข้อมูลสูง



   แบบที่ห้า คือ เทคโนโลยี G.SHDSL ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีตระกูล DSL (Digital Subscriber Line) เป็นเทคโนโลยีการเข้ารหัสสัญญาณข้อมูล (modulation) ในย่านความถี่ที่สูงกว่าการใช้งานโทรศัพท์โดยทั่วไป ทำให้สามารถส่งข้อมูลในขณะเดียวกันกับการใช้งานโทรศัพท์ได้ ซึ่งความสามารถพิเศษของเทคโนโลยี G.SHDSL นี้ สามารถช่วยขยายวงของระบบเครือข่าย เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้ไกลถึง 6 กิโลเมตร โดยผ่านสายโทรศัพท์ธรรมดา ด้วยความเร็วในการส่งข้อมูลถึง 2.3 Mbps


 


แบบที่หก คือ เทคโนโลยีแบบ ether over VDSL เป็นเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบล่าสุดที่สามารถจะติดตั้งใช้งานได้เอง จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเครือข่ายแลนผ่านสายโทรศัพท์ธรรมดาให้มีระยะไกลได้ถึง 1.5 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 10 Mbps และยังสามารถรับส่งข้อมูลพร้อมกับใช้งานโทรศัพท์ในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย


 


3.ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (embeded OS)

เป็นระบบปฏิบัติการที่พบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เช่น พีดีเอ หรือSmart phone บางรุ่น สามารถช่วยในการทำงานของอุปกรณ์แบบไม่ประจำที่เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เกิดขึ้นมาหลังสุดพร้อมๆกับที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้น บางระบบมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยวด้วย เช่น รองรับการทำงานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลงหรือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

                  
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง ( Embedded OS ) เรามักจะพบเห็นการใช้งานของระบบปฏิบัติการแบบฝังนี้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา เช่น Palm, pocket PC, Smart phone รวมถึงอุปกรณ์ขนาดเล็กอื่น ๆ ซึ่งพอจะยกตัวอย่างได้ดังนี้
3.1.Pocket PC OS (Windows CE เดิม) บริษัทไมโครซอฟต์ ผู้ผลิตระบบปฏิบัติการยักษ์ใหญ่ที่มีความชำนาญจากการสร้างระบบที่ใช้สำหรับเครื่องพีซีมาก่อน ได้หันมาเน้นการผลิตเพื่อใช้งานร่วมกับการควบคุมในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กมากยิ่งขึ้น โดยสร้างระบบปฏิบัติการตัวใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า Pocket PC OS (เดิมใช้ชื่อว่า Windows CE หรือ Windows Consumer Electronics แต่มีการตั้งชื่อใหม่นี้ในภายหลังซึ่งเริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน 3.0 ขึ้นไป เพื่อให้ชื่อของระบบปฏิบัติการตัวดังกล่าวเหมือนกับชื่อของเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กไปเลย)

 

3.2 Palm OS
ปาล์มโอเอส หรือ พาล์มโอเอส (อังกฤษ: PalmOS) เป็นระบบปฏิบัติการ ที่สร้างขึ้นโดยบริษัท ปาล์มซอร์สอิงค์ สำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์มือถือที่เรียกว่าพีดีเอ ซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตที่เป็นที่รู้จักหลายบริษัทเช่นปาล์มอิงค์, ซัมซุง, ลีโนโว, การ์มิน และ โซนี่ ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย มาพร้อมกับแอปพลิเคชันพื้นฐาน เช่น สมุดบันทึกที่อยู่, นาฬิกา, ระบบการโอนย้ายข้อมูล(Sync) และระบบความปลอดภัย โดยเปิดตัวครั้งแรกใน ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) ประวัติ
ปาล์มโอเอสได้รับการพัฒนาขึ้นโดย เจฟ ฮอว์กินส์ (Jeff Hawkins) เพื่อใช้กับเครื่องพีดีเอ ปาล์มไพล็อต (Palm Pilot) ที่ผลิตขึ้นโดยยูเอสโรโบติกส์ (US Robotics) ปาล์มโอเอสรุ่น 1.0 ได้ถูกติดตั้งลงในเครื่องปาล์มไพล็อตรุ่น 1000 และ 5000 และรุ่น 2.0 ได้ถูกติดตั้งลงบนปาล์มไพล็อตรุ่น เพอร์ชันแนล และ โปรเฟสชันแนล
เมื่อมีการเปิดตัวปาล์ม ทรี ซีรีส์ (Palm III Series) ได้มีการเปิดตัวปาล์มโอเอสรุ่น 3.0 ที่ใช้กับเครื่องรุ่นนี้พร้อมกัน และยังมีการพัฒนารุ่น 3.1, 3.3 และ 3.5 ที่ได้เพิ่มคุณสมบัติการแสดงผลสี การใส่หน่วยความจำภายนอก หน่วยประมวลผลแบบใหม่ และการเพิ่มเติมอื่นๆ
รุ่น 4.0 ได้ออกมาพร้อมปาล์ม เอ็ม 500 ซีรีส์ (Palm M500 Series) และได้ทำการติดตั้งลงในเครื่องรุ่นก่อนหน้านี้ด้วย เวอร์ชันนี้ได้เพิ่มการเข้าถึงไฟล์ในรูปแบบมาตรฐานผ่านหน่วยความจำภายนอก เช่น เอสดีการ์ด เป็นต้น และยังมีการปรับปรุงโปรแกรมโทรศัพท์และโปรแรมความปลอดภัยเพิ่มเติม รุ่น 5.0 ได้เปิดตัวพร้อมกับเครื่องรุ่น ทังสเตน ที และเป็นเวอร์ชันแรกที่สนับสนุน ระบบประมวลผลแบบอาร์ม (ARM architecture) เพื่อให้ระบบสนับสนุนการทำงานแบบอาร์ม แอปพลิเคชันต่าง ๆ จะต้องทำงานอยู่บนสภาวะจำลองที่เรียกว่า ปาล์มแอปพลิเคชันคอมพาทิบิลิทีเอนวิโรเมนท์ (Palm Application Compatibility Environment หรือ PACE) และเพื่อความเข้ากันได้ดีของซอฟต์แวร์บนสภาวะจำลอง แอปพลิเคชันเดิมจะต้องประมวลผลด้วยระบบอาร์มด้วยความเร็วที่สูงกว่าเดิม ส่วนซอฟต์แวร์ใหม่จะสามารถทำงานบนระบบประมวลผลอาร์มโดยตรงด้วยพีเอ็นโอ (PACE Native objects) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งการทำงานบนอาร์มขนาดเล็ก
ปาล์มโอเอส 5.2 และ 4.1.2 (ในรุ่นที่ออกมาในภายหลัง) ได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน กราฟฟิตี2 เข้ามา ปาล์มซอร์สได้ทำการเปิดตัวปาล์มโอเอส 6 ในปีค.ศ. 2003(พ.ศ. 2546)

การเปลี่ยนแปลงและพัฒนา เป็นเวลาหลายปีที่ปาล์มซอร์สได้พัฒนาและขายสิทธิ์ในการใช้ปาล์มโอเอส 5
โครงร่างของปาล์มโอเอส 6 ได้ถูกส่งให้ผู้ผลิตเครื่องมือถือในเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ซึ่งในรุ่นนี้จะรองรับแอปพลิเคชันที่ทำงานบนสถาปัตยกรรมแบบอาร์มโดยตรงและการสนับสนุนทางมัลติมีเดียที่ดียิ่งขึ้น
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ปาล์มซอร์สได้ประกาศชื่อที่ใช้ในการพัฒนาพร้อมประกาศว่าการพัฒนาปาล์มโอเอสรุ่นที่ 5.x จะไม่ทำให้การพัฒนารุ่นที่ 6.x หยุดชะงักลง โดยรุ่นที่ 5 มีชื่อที่ใช้ในการพัฒนาว่า การ์เนต ส่วนรุ่นที่ 6 มีชื่อในการพัฒนาว่า โคบอลต์
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ปาล์มซอร์สได้เปิดเผยคุณสมบัติของปาล์มโอเอสโคบอลต์รุ่น 6.1 ซึ่งจะรองรับหน้าจอที่ทำงานด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น ระบบโทรศัพท์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ การใช้งานด้วยมือข้างเดียว และรูปแบบตัวอักษรที่มีให้เลือกใช้งานมากขึ้น
หลังจากปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ปาล์มซอร์สได้ประกาศว่ารุ่นถัดไปของปาล์มโอเอสจะรองรับการทำงานบนชั้นบนสุดของลินุกซ์เคอร์เนล และด้วยสาเหตุนี้เอง จึงทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดตั้งล่าช้าออกไป
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) ในการประชุมนักพัฒนาของปาล์มซอร์ส ได้มีการประกาศว่า ปาล์มวันได้รับสิทธิ์ในการใช้เครื่องหมายการค้าปาล์ม โดยปาล์มวันจะให้สิทธิ์ในการใช้ชื่อกับปาล์มซอร์สและผู้รับช่วงสิทธิ์
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) ปาล์มซอร์สได้ควบรวมกิจการกับแอคเซส บริษัทซอฟต์แวร์ของญี่ปุ่น หลังจากนั้นหนึ่งเดือนปาล์มได้เปิดตัวปาล์มทรีโอ700 ซึ่งทำงานบนวินโดวส์โมเบิลเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้ว่าปาล์มจะเปลี่ยนแปลงตนเองมาพัฒนาระบบปฏิบัติการ 2 ระบบบนเครื่องมือถือของตนเอง
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2006 ปาล์มซอร์สได้เปิดตัวแอคเซสลินุกซ์แพลตฟอร์มซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของปาล์มโอเอสบนลินุกซ์ แต่ชื่อใหม่ของปาล์มโอเอสก็ยังไม่เป็นที่รับรู้กัน
ในปีค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ก็ยังไม่มีเครื่องมือถือที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการปาล์มโอเอส โคบอลต์

แอปพลิเคชันที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการปาล์มโอเอส ปาล์มโอเอสมาพร้อมแอปพลิเคชันซึ่งมีอยู่ในเครื่องมือถือปาล์ม บางครั้งผู้ผลิตอาจทำการดัดแปลงและแอปพลิเคชันเหล่านี้ นี่คือส่วนหนึ่งของแอปพลิเคชันโดยปาล์มซอร์สที่มาพร้อมปาล์มโอเอส:

สมุดบันทึกที่อยู่ (Address Book/Contacts) โปรแกรมบันทึกที่อยู่ของปาล์มสามารถจัดเก็บข้อมุลส่วนตัวและแสดงโดยเรียงตามลำดับชื่อจริง ชื่อสกุล หรือตามชื่อบริษัทและชื่อสกุลก็ได้ มีช่องห้าช่องสำหรับโทรศัพท์และอีเมลซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน เช่น ที่ทำงาน ที่บ้าน แฟกซ์ อื่นๆ อีเมล เพเจอร์ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น
ตั้งแต่รุ่น 5.2.1 ใน ทังสเตน ที 3 และ ทังสเตน อี รุ่นดัดแปลงของโปรแกรมนี้ได้ออกมา รุ่นนี้ไม่ได้ทำโดยปาล์มซอร์ส แต่ทำโดยปาล์มอิงค์

เว็บเบราว์เซอร์ เบลเซอร์ (Blazer) เบลเซอร์เป็นเว็บเบราว์เซอร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์มือถือปาล์ม รุ่นที่ 1.0 และ 2.0 ทำงานบนปาล์มโอเอสรุ่น 3.1 หรือสูงกว่า แต่ต้องการการเชื่อมต่อผ่านพรอกซี่เซอเวอร์จึงทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก รุ่นที่ 3.0 ใช้กับเครื่อง ทรีโอ 600 รุ่นปัจจุบันของเบลเซอร์คือรุ่น 4.3 ซึ่งทำงานได้เหมือนเบราว์เซอร์ทั่วไป

เครื่องคิดเลข (Calculator) เครื่องคิดเลขบนปาล์มนั้นสามารถทำงานได้เหมือนกับเครื่องคิดเลขมาตรฐานพร้อมฟังก์ชันการถอดรากที่สองและหน่วยความจำขนาดเล็ก และเครื่องคิดเลขบนปาล์มยังสามารถพิมพ์ประวัติการใช้งานได้อีกด้วย
ตั้งแต่ปาล์มโอเอสรุ่น 5.4 การ์เนต เครื่องคิดเลขได้เพิ่มโหมดผู้ใช้ขั้นสูงซึ่งสามารถคำนวณได้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น เรขาคณิต การเงิน ตรรกศาสตร์ สถิติ น้ำหนัก พื้นที่ และปริมาตร

โปรแกรมปฏิทิน (Date Book/Calendar) โปรแกรมปฏิทินแสดงตารางนัดหมายแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนแบบย่อๆ ในการแสดงตารางนัดหมายแบบรายวันแต่ละบรรทัดหมายถึงแต่ละช่วงเวลาเป็นชั่วโมงโดยมีเวลากำกับอยู่ที่ด้านซ้ายของบรรทัด โดยเส้นเชื่อมระหว่างเวลาบรรทัดหมายถึงเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของเหตุการณ์นั้นๆ บรรทัดที่ว่างเปล่าหมายถึงไม่มีเวลานัดหมาย และการเพิ่มนัดหมายใหม่ให้แตะที่บรรทัดที่ว่างเปล่า
การนัดหมายสามารถตั้งปลุกก่อนเวลานัดหมายตามที่กำหนดไว้ได้ และจะมีการปลุกเมื่อถึงเวลาไม่ว่าเครื่องกำลังปิดอยู่
การนัดหมายสามารถกำหนดให้เวียนกลับมาตามรอบเวลาที่กำหนดไว้ เป็นวัน เดือน สัปดาห์ หรือปีและยังสามารถใส่บันทึกไว้ได้อีกด้วย
ในปาล์มโอเอสรุ่นที่ 5.2.1 ปาล์มอิงค์ได้จัดทำโปรแกรมนี้ขึ้นมาใหม่โดยใช้ในเครื่องรุ่น ทังสเตน ที3 ทังสเตน อี ที่เพิ่มคุณสมบัติในการจัดกลุ่มให้กับแต่ละการนัดหมาย ใส่สีให้แก่การนัดหมายในแต่ละกลุ่ม และยังสามารถแสดงผลตารางนัดหมายในรูปแบบที่คล้ายกับในเครื่องวินโดวส์ โมบายล์อีกด้วย

โปรแกรมบันทึกการใช้จ่าย (Expense) โปรแกรมนี้ใช้สำหรับการบันทึกการใช้จ่ายต่างๆ แต่ไม่สามารถคำนวณยอดรวมได้จากบนเครื่องปาล์ม ผู้ใช้ต้องทำการโอนถ่ายข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์และดูข้อมูลการใช้จ่ายจากโปรแกรมสเปรดชีท เช่น ไมโครซอฟท์เอกซ์เซล หมายเหตุ : โปรแกรมนี้ไม่ได้มีในเครื่องปาล์มทุกเครื่อง

โปรแกรมโอนถ่ายข้อมูล (HotSync)
โปรแกรมนี้มีชื่อเรียกว่า "ฮอตซิงค์ (HotSync)" มีหน้าที่ในการเชื่อมโยงข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อทำการสำรองข้อมูล โปรแกรมนี้ใช้งานโดยการกดปุ่มที่อยู่บนแท่นวางหรือสายเชื่อมโยงข้อมูลของเครื่องปาล์ม ข้อมูลจากแอปพลิเคชันต่างๆบนเครื่องปาล์มจะเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันนั้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และจะทำการเพิ่มเติม แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ตรงกัน
การสำรองข้อมูลมีประโยชน์เมื่อเครื่องปาล์มหายหรือถูกทำลายจนต้องทำการตั้งค่าเริ่มต้นใหม่ ทำให้ข้อมูลหายทั้งหมด หรือเมื่อผู้ใช้ทำการเปลี่ยนเครื่องปาล์มรุ่นใหม่ โปรแกรมนี้จะทำหน้าที่สำรองข้อมูลเพื่อนำมาจัดเก็บบนเครื่องปาล์มดังเดิม

โปรแกรมจดบันทึก (Memo Pad/Memos) โปรแกรมจดบันทึกนี้สามารถบันทึกตัวอักษรได้ถึง 4,000 ตัวอักษร และสามารถจัดกลุ่มบันทึกได้ โดยจัดเก็บข้อมูลในรูปของตัวอักษร ไม่ใช่รูปภาพ
ตั้งแต่ปาล์มโอเอสรุ่น 5.2.1 ปาล์มอิงค์ได้จัดทำรุ่นดัดแปลงขอโปรแกรมนี้ออกมา ซึ่งสามารถใส่ข้อความได้มากถึง 32 เมกะไบต์

โน้ตแพด (Note Pad) โน้ตแพดเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการวาดภาพ หรือเขียนบันทึกสั้นๆด้วยลายมือซึ่งที่เก็บในรูปแบบของรูปภาพจึงไม่ได้มีการแปลงลายมือให้เป็นตัวอักษร เหมาะสำหรับการบันทึกสั้นๆอย่างรวดเร็วแต่ไม่เหมาะกับการจดบันทึกยาวๆ ในหนึ่งหน้าจะสามารถจุคำได้ประมาณ 10 คำและใหญ่พอที่จะเขียนแผนที่แบบง่ายๆด้วย โดยสามารถเลือกขนาดเส้นได้สามขนาด และที่ลบสำหรับลบเส้นออก และในบางรุ่นยังสามารถเลือกสีพื้นหลังได้อีกด้วย
แอปพลิเคชันนี้เริ่มมีในปาล์มโอเอสรุ่นที่ 4.0 ยกเว้นเครื่องปาล์ม เอ็ม100 ที่ใช้ระบบปาล์มโอเอสรุ่นที่ 3.51

รายการสิ่งที่ต้องทำ (To Do List/Tasks) เป็นแอปพลิเคชันง่ายๆที่ใช้ในการจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำ มีการจัดแบ่งระดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ วันกำหนดส่ง และหมวดหมู่ อีกทั้งยังสามารถแนบบันทึกไว้ได้อีกด้วย ในการจัดเรียงรายการสิ่งที่ต้องทำสามารถจัดเรียงได้โดยเรียงจากวันที่กำหนด ความสำคัญ หรือหมวดหมู่
ตั้งแต่ปาล์มโอเอสรุ่น 5.2.1 ในเครื่องทังสเตน ที3 และทังสเตน อี ปาล์มอิงค์ได้ออกรุ่นดัดแปลงของแอปพลิเคชันนี้ออกมาซึ่งเพิ่มความสามารถในการตั้งปลุกเตือนและสามารถตั้งให้ทวนรายการสิ่งที่ต้องทำซ้ำได้

ปาล์มโฟโต้ (Palm photo) /มีเดีย (Media) ปาล์มไพล็อตในช่วงแรกนั้นไม่ได้มีแอปพลิเคชันในการเปิดรูปภาพ จนใน ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันนี้ขึ้นมา โดยมีชื่อว่าอิมเมจวิวเวอร์ 3(Image Viewer III) และหลังจากนั้นจึงมีแอปพลิเคชันในการเรียกดูรูปภาพสำหรับปาล์มออกมามากมาย
ในค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ปาล์มรุ่นใหม่ทั้งหมดได้มีการบรรจุแอปพลิเคชันปาล์มโฟโต้ซึ่งใช้ในการสร้างอัลบั้มดิจิตอลเพื่อเรียกดูบนปาล์ม เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันด้านรูปภาพอื่นๆ ภาพสามารถส่งโดยใช้อินฟราเรด บลูทูธ ไปยังอุปกรณ์มือถืออื่นๆได้ หรือแนบกับอีเมล ที่ส่งจากปาล์มได้ แอปพลิเคชันนี้สามารถแสดงภาพได้ทั้งแบบสไลด์และแบบเต็มหน้าจอได้
การแก้ไขภาพสามารถทำได้โดยแอปพลิเคชันปาล์มโฟโต้ที่อยู่บนระบบวินโดวส์ และเมื่อแก้ไขแล้วการแก้ไขก็จะส่งผลมาที่แอปพลิเคชันบนเครื่องปาล์มเมื่อมีการโอนถ่ายข้อมูล
แอปพลิเคชันปาล์มโฟโต้มีการบรรจุอยู่ในเครื่อง ไซร์ 71, ทังสเตน ซี, ทังสเตน อี, ทังสเตน ที2, ทังสเตน ที3 และอื่นๆอีกเล็กน้อย ส่วนปาล์ม แซด22 ใช้แอปพลิเคชัน สแปลชโฟโต้ (SplashPhoto)รุ่นไลต์ ซึ่งไม่มีคุณสมบัติครบทั้งหมดของแอปพลิเคชัน หลังจากปาล์มโอเอส รุ่น 5.2.8 ตั้งแต่ปาล์ม ไซร์ 72 แอปพลิเคชันปาล์มโฟโต้ได้ถูกแทนที่ด้วยแอปพลิเคชัน มีเดีย ซึ่งสามารถจัดการและแสดงได้ทั้งภาพและวิดีโอ

การอัดเสียง (Voice recording) เครื่องปาล์มบางรุ่นสามารถอัดเสียงได้ โดยเครื่องปาล์มรุ่นปัจจุบันที่สามารถอัดเสียงได้ประกอบด้วย ทรีโอ 700พี, ไลฟ์ไดร์ฟ, ทังสเตน ที2 ที3 และไซร์72

การตั้งค่าการทำงาน (Preferences) แอปพลิเคชันนี้ใช้ในการเรียกที่ใช้ในการปรับตั้งค่าในส่วนต่างๆของเครื่อง ซึ่งมีประมาณ 15 หัวข้อการปรับแต่ง ตัวอย่างหัวข้อการปรับแต่ง เช่น การอ่านตัวอักษร(กราฟิตี) เสียง เมนูลัด การตั้งค่าด้านเครือข่าย และเวลาของระบบ 3.3 Symbian OS
ซิมเบียน (อังกฤษ: Symbian) คือ ระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ พัฒนาโดยบริษัท Symbian Ltd. โดยออกแบบสำหรับทำงานเฉพาะหน่วยประมวลผล ARM
ปัจจุบันมีบริษัทที่ถือหุ้นส่วนอยู่ได้แก่ อีริกสัน (15.6%) โนเกีย (47.9%) พานาโซนิก (10.5%) ซัมซุง (4.5%) ซิเมนส์ (8.4%) และ โซนี อีริกสัน (13.1%) โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ซิมเบียนเริ่มใช้งานเมื่อในเดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2541 ปัจจุบัน

ระบบปฏิบัติการซิมเบียน (Symbian OS) ระบบปฏิบัติการ Symbian คือระบบปฏิบัติการที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย และออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ในงานกับโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลัก ในการรับส่งข้อมูล เป็นระบบที่ใช้งานง่าย ประหยัดพลังงาน ใช้หน่วยความจำขนาดเล็ก และมีความปลอดภัยสูง ทำให้เหมาะที่จะนำมาใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่
MobileOS

เนื่องจากเทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่สูง ทำให้ในระยะช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้นจึงเกิดการ พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และเพื่อช่วงชิงความเป็นเจ้าในการครองส่วนแบ่งทางการตลาด จึงทำให้ผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ พยามใส่คุณสมบัติต่าง ๆ เข้าไปในโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อให้ผู้ใช้งาน สามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของตัวเองที่สุด และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า กลุ่มที่ต้องการใช้งานทางด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต การรับ - ส่ง อีเมล์ และ การใช้งานที่ใกล้เคียงกับอุปกรณ์ PDA จึงเกิดระบบปฏิบัติการ (Operating System) บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้น และในปัจจุบันระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ได้มี การใช้การ กันในกลุ่มผู้ผลิต โทรศัพท์เคลื่อนที่หลาย ๆ บริษัทได้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีระบบปฏิบัติการ ออกวางจำหน่าย โดยระบบปฏิบัติการ ที่นิยมใช้งาน อยู่ในปัจจุบันก็มีอยู่ 2 ค่ายคือ ซิมเบียน (Symbian OS) และ สมาท์โฟน (Smathphone) จากค่าย Microsoft

ระบบปฏิบัติการซิมเบียน (Symbian OS) เกิดขึ้นและพัฒนาอย่างไร
ระบบปฏิบัติการ Symbian คือระบบปฏิบัติการที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย และเป็นระบบปฏิบัติการ ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ในงานกับโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลัก ในการรับส่งข้อมูล เป็นระบบที่ใช้งานง่าย ประหยัดพลังงาน ใช้หน่วยความจำที่มีขนาดเล็ก และมีความปลอดภัยสูง ทำให้เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน และอนาคต ระบบ Symbian เกิดขึ้นและมีพัฒนาการมาจากการที่เป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในการผลิตซอฟท์แวร์ที่รองรับการสื่อสารแบบไร้สาย Symbion OS เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1998 ซึ่งในขณะนั้นมีพันธมิตรร่วมกัน 4 รายใหญ่ คือ Ericsson, Nokia, Motorola, และ PSION ถัดมาในปี ค.ศ. 1999 Symbian ก็ได้พันธมิตรเพิ่มอีกคือ Panasonic และในปี 2000 ก็ได้มีการจับมือกับ Sony, Sanyo, Siemens
โทรศัพท์เครื่องแรกที่มีการเปิดตัวโดยใช้ Symbian OS คือ Ericsson R380s เป็นโทรศัพท์ smart phone จากค่าย ericsson มีคุณสมบัติใหม่ ๆ มากมายในสมัยนั้นคือ มีการใช้งานจอแบบ Touch Screen มีระบบการ Sync. ข้อมูล PIM กับ Microsoft outlook หรือ Lotus note ได้ แต่จริง ๆ แล้วในสมัยนั้นไม่ใช่ ericsson ที่เป็นเจ้าแรกที่นำระบบปฏิบัติการมาใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ โดยก่อนหน้านี้ Nokia ได้ทำมาก่อนแล้วในโทรศัพท์รุ่น nokia 9000 ซึ่งในตอนนั้น nokia ใช้ระบบปฏิบัติการ "Geos" ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือในยุคแรก ๆ แต่ระบบปฏิบัติการ ก็ประสบปัญหาในการใช้งานหลายอย่าง ในเรื่องการจัดการหน่วยความจำทำให้เครื่องเกิดการทำงานผิดพลาด (Hang) บ่อย ๆ และทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานหายไปทั้งหมด ซึ่งในรุ่นถัดมาของ nokia 9110 ก็ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Geos แต่ก็ยังคงประสบปัญหาเช่นเดิม และในปี 2001 Nokia จึงเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ จาก Geos มาเป็น Symbian และได้พัฒนา Communicator phone รุ่นใหม่คือ 9210 ออกวางจำหน่าย โดยระบบปฏิบัติการ Symbian ในรุ่นใหม่นี้ มีจุดเด่นคือเป็นระบบเปิด คุณสามารถที่จะนำโปรแกรมอื่น ๆ ที่เขียนขึ้นมาเพื่อใช้งานรองรับ symbian มาลงเพิ่มใน่เครื่องได้ และในวันนี้ nokia ก็ได้ออกโทรศัพท์ ที่ใช้เพลทฟอร์มใหม่ขึ้นมาใช้งานคือ " Series 60 Platform " เพื่อเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุค 2.5 G คือ nokia 7650 และ 3650 ออกวางจำหน่าย โดยใช้ระบบ ปฏิบัติการ symbian OS Geos

Symbian OS ทำงานได้อย่างไร
Symbian OS นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบปฏิบัติการเท่านั้น แต่ Symbian ยังเป็นระบบเปิดที่ให้ผู้อื่น สามารถพัฒนาซอฟท์แวร์ต่างๆ บนระบบปฏิบัติการ Symbian ได้ เรียกได้ว่าในอนาคตจะมีแอพพลิเคชั่นมากมายที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบปฏิบัติการ Symbian และยังส่งผลให้เป็นตลาดผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตอีกด้วย
Device Driver โดยพื้นฐานของ subsystem จะให้บริการ device driver และ software controller สำหรับการทำงานของ device ต่อไปนี้ DTE serial port
DCE serial port
Infrared (SIR)
USB client 1.1
SDIO
Cards
Keyboard
Digitizer
Ethernet
MMC
LCD

อุปกรณ์ทำงานกับซิมเบียน
-การ์ดหน่วยความจำภายนอก เช่น SD/MMC CARD, RS-MMC CARD
-อินฟราเรด
-บลูทูธ
-สายเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ส่งข้อมูล หรือสามารถใช้ การ์ดรีดเดอร์ ในการอ่านข้อมูลจาก-หน่วยความจำภายนอก
-Near field communication *หมายเหตุ มีในSymbian Belle 
ประโยชน์ของระบบปฏิบัติการ Symbian OS
1. ใช้หน่วยความจำน้อย ทำให้มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
2. โปรแกรม Application มีขนาดเล็ก ไม่เปลือง memory
3. เป็นระบบเปิด ทำให้นักพัฒนาโปรแกรม สามารถสร้างโปรแกรมหรือเกมส์ต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้งานกับ ระบบ Symbian ทำให้เกิดการพัฒนาทางด้าน Software
4. รองรับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย ในรูปแบบใหม่ (Developing wireless service)
5. เป็นระบบที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ผลิตหลายเจ้าให้ความสนใจ จึงน่าจะมีการเติบโตยิ่งขึ้น

 อ้างอิง http://thecomputerandtheinternet.blogspot.com/2014/11/1_76.html
https://sites.google.com/site/bththi8/home/bth-thi-8-sux-laea-xupkrn-thi-samphanth-kab-rabb-ptibati-kar/prapheth-xupkrn-thi-samphanth-kab-rabb-ptibati 
https://beerkung.wordpress.com/












                            แบบฝึกหัดบทที่ 1


1. ระบบปฏิบัติการคืออะไร แตกต่างจากโปรแกรมประยุกต์อย่างไร
ตอบ
*ระบบปฏิบัติการ คือ ระบบคอมพิวเตอร์แทบทุกระบบถือว่าระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญ ของ  ระบบ โดยทั่วไประบบคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ โปรแกรม ประยุกต์และผู้ใช้


*โปรแกรมประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ เช่น งานส่วนตัว งานทางด้านธุรกิจ งานทางด้านวิทยาศาสตร์ โปรแกรมทางธุรกิจ เกมส์ต่างๆ ระบบฐานข้อมูล ตลอดจนตัวแปลภาษา


2. ทำไมเครื่องคอมพิวเตอร์จึงจำเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการ
ตอบ เพราะว่าระบบปฏิบัติการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้อุปกรณ์แต่ละชิ้นส่วนสามารถทำงานร่วมกันได้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไม่ได้ผลิตมาจากคนๆ เดียว แต่ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมาจากคนจำนวนมากที่เป็นผู้ผลิตขึ้นมา ฉะนั้นจะให้อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานร่วมกันได้ ก็ต้องมีตัวกลางในการประสานงาน อย่าว่าแต่คอมพิวเตอร์เลย ขนาดคนเรา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามยังต้องมีคนกลาง หรือผู้ประสานงาน ไม่อย่างนั้นแล้ว งานจะไม่มีทางไปในทิศทางเดียวกัน สรุปง่ายๆ หากไม่มีระบบปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ก็จะไม่สามารถทำงานได้ เพราะอุปกรณ์แต่ละชิ้นไม่รู้จักกัน
 

3. อะไรบ้างที่เป็นส่วนสนับสนุนปัจจัยให้นักพัฒนาระบบปฏิบัติการพัฒนารุ่นใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ
ตอบ ทรัพยากรของระบบมีจำกัด เราต้องจัดสรรให้โปรแกรมของผู้ใช้ทุกคนได้ใช้ทรัพยากร อย่างเหมาะสม

4. ยกตัวอย่างโปรแกรม เป็นระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมประยุกต์
ตอบ โอเอส (OS)

5. สามารถแยกแยะออกได้ระหว่างระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องเดียว และระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีระบบการทำงานเป็นอย่างไร
ตอบ -เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครืองเดียวที่มุ่งเน้นและให้บริการสำหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว
    - ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย เป็นระบบปฏิบัติการที่มุ่งเน้นและให้บริการสำหรับผู้ใช้หลาย ๆ คน

6. แสดงความคิดเห็นว่า แนวโน้มการพัฒนาระบบปฏิบัติการจะเป็นอย่างไร 
ตอบ   อาจสามารถพัฒนาได้ดีกว่า ลีนุกซ์กำลังเป็นระบบปฏิบัติการที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมและใช้งานเพิ่มขึ้น เป็นระบบที่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์หลายบริษัทอาทิ IBM, Compaq, Shape Electrics เสนอเป็นตัวเลือกแก่ลูกค้าที่ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นผู้ที่สนใจติดตามข่าวใน เรื่องการนำลีนุกซ์ไปใช้งาน จะได้รับข่าวสารมากมายของบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัทที่ หันมาใช้ลีนุกซ์อย่างจริงจัง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พาวเวอร์ซัพพลาย(Power Supply)

เครื่องปริ้นแบบต่างๆ

ใบงานที่4 การจัดเวลาซีพียู (CPU Scheduling)